ชิปปิ้ง สร้าง Brand Equity ด้วย Social Media

ชิปปิ้ง สร้าง Brand Equity ด้วย Social Media Hand Shipping ชิปปิ้ง ชิปปิ้ง สร้าง Brand Equity ด้วย Social Media Untitled 1 768x402

ชิปปิ้ง ปัจจุบัน การทำธุรกิจออนไลน์หรือการเปิดร้านค้าออนไลน์นั้น ไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำไม่ได้ พูดง่ายๆ คือ ใครๆ ก็เปิดร้านได้ 

แต่การขายนั้นไม่ง่ายเลย เพราะฉะนั้น เจ้าของธุรกิจในโลกยุคนี้ จึงจำเป็นต้องใช้ช่องทาง Social Media ในการสื่อสารการตลาดให้กับบริษัทหรือแบรนด์ของตนเอง โดยเป้าหมายหลักๆ ก็คือ สร้างการรับรู้ของแบรนด์และเพิ่มจำนวนลูกค้าหรือเพิ่มยอดขายนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม การทำ Social Media Marketing นั้น จำเป็นต้องมองให้ครบทุกมุม ไม่ใช่แค่เรื่องของ Brand Awareness เท่านั้น และ Brand Awareness ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในองค์ประกอบของตราสินค้า (Brand Equity) ซึ่งจะประกอบด้วย 4 ส่วนสำคัญคือการรับรู้ถึงแบรนด์ (Brand Awareness)การรับรู้ถึงคุณภาพ (Perceived Quality)การสร้างตัวตนของแบรนด์ (Brand Association)และความภักดีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty)

ครั้งนี้ Handshipping ขอแชร์เกร็ดความรู้ในการสร้างตราสินค้าทั้ง 4 ส่วนบนแพลตฟอร์ม Social Media

1.การรับรู้ถึงแบรนด์ (Brand Awareness) เพราะกิจกรรมทางการตลาดบนแพลตฟอร์ม Social Media ถาโถมเข้ามาเพื่อเพิ่มจำนวนสมาชิกไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของ Fan บน Facebook หรือ Follower บน Twitter ซึ่งกิจกรรมทางการตลาดเป็นอีกกลยุทธ์ที่จะกอบโกยจำนวน likes และกิจกรรมการตลาดที่ประสบความสำเร็จ ส่วนหนึ่งมาจากการมีส่วนร่วมในกิจกรรมของกลุ่มเป้าหมาย ที่รู้สึกว่าคุ้มค่าและได้รับผลตอบแทน

อย่างไรก็ตาม ปัญหาส่วนใหญ่ของหลายๆ แบรนด์ที่พบคือ พวกเขาไม่รู้จะทำอะไรต่อ หลังจากกิจกรรมที่สร้าง Brand Awareness จบลง ไม่รู้ว่าเนื้อหาใน Facebook ในช่วงต่อจากนั้นมา ควรจะเป็นอย่างไร ทำให้หลายๆแบรนด์สอบตกกันเป็นทิวแถว เพราะมีเนื้อหาที่ไปในทิศทางเดียวกันหมด ไม่ว่าจะเป็นแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร คำคม ซึ่งไม่ได้สร้างความแตกต่างของแบรนด์ให้เกิดขึ้นแม้แต่น้อย

2.การรับรู้ถึงคุณภาพ (Perceived Quality) สิ่งสำคัญต่อจากนี้ หลังจากที่กลุ่มเป้าหมายรู้จักแบรนด์ของคุณแล้ว คือ ทำอย่างไรให้รับรู้ถึงคุณภาพของสินค้า/บริการ เรียกได้ว่าเป็นส่วนที่สำคัญอย่างมากต่อผลประกอบการ แบรนด์ที่ขายดีที่สุด ส่วนหนึ่งก็เพราะว่าเกิดจากการที่กลุ่มเป้าหมายรับรู้วามีคุณภาพที่ดี แต่ก็ไม่เสมอไปเพราะในความเป็นจริงแล้ว บางแบรนด์ก็มียอดขายน้อยกว่ามาก ทั้งๆ ที่อาจจะมีคุณภาพดีกว่า นั่นเป็นเพราะลูกค้าไม่ได้รับรู้ถึงคุณภาพสินค้า/บริการที่มีอยู่

การใช้ช่องทาง Marketing Influencer หรือผู้ที่มีอิทธิพลทางการตลาด จะเข้ามามีบทบาทอย่างมากในการบอกเล่าถึงคุณภาพของสินค่า/บริการ ซึ่งส่วนนี้จะเป็นส่วนที่ผู้เข้ามาอ่านใช้เป็นเครื่องมือช่วยในการตัดสินใจ ซึ่งจะมีความน่าเชื่อถือมากกว่าข้อมูลจากตัวเจ้าของแบรนด์หลายเท่าตัว

3.การสร้างตัวตนของแบรนด์ (Brand Association) ในส่วนนี้ จะต้องสร้างเอกลักษณ์ (Brand Identity) ให้มีความแตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ Social Media ไม่ได้ถูกกำหนดมาเพื่อสร้างความแตกต่างของสินค้า/บริการให้แตกต่างไปจากแบรนด์อื่นเท่าใดนัก อาจจะแตกต่างในเรื่องของอารมณ์ และความรู้สึกของผู้เข้ามาชมมากกว่า ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว มันเริ่มต้นจากการกำหนด Positioning ของแบรนด์ จากนั้นจึงพัฒนาสู่การกำหนด Brand Value และนำเสนอให้ผ่านไปยัง Social Media อย่างสม่ำเสมอ

4.ความภักดีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty) ทุกๆ แบรนด์ย่อมต้องการความภักดีจากลูกค้าจำนวนมากเพราะมันคือความมั่นคงที่จะสามารถทำเงินได้อย่างต่อเนื่อง และน่าเสียดายที่หลายต่อหลายครั้ง การสร้างความภักดีของลูกค้าถูกลบเลือนไป แล้วหันไปเน้นการสร้างลูกค้ารายใหม่ด้วยสิ่งจูงใจต่างๆ อย่างไรก็ตาม เครื่องมือสำคัญในการสร้าง Brand Loyalty ก็คือ CRM (Customer Relationship Management) เพื่อให้สิทธิประโยชน์แก่ลูกค้าประจำมากกว่าลูกค้าทั่วไป

โดยหลักการทำงานของ CRM นั้น จะประกอบด้วย 4 ส่วนคือ Identify หรือการเก็บข้อมูลลูกค้าว่าพวกเขาคือใคร Differentiate วิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าและจัดแบ่งลูกค้าออกเป็นกลุ่ม Interact มีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า เรียนรู้ความต้องการของลูกค้า สุดท้ายคือ Customize ปรับแต่งและนำเสนอสินค้าหรือบริการให้เหมาะสม

หากคุณกำลังสนใที่จะเปิดร้านค้าออนไลน์ หรือกำลังมองหาสินค้าเพื่อจำหน่ายในร้านค้าออนไลน์ของคุณ Handshipping ขอแนะนำ เว็บไซต์ Truetaobao จำหน่ายสินค้าจากจีน ที่มีสินค้าครบเกือบทุกประเภท นอกจากนี้ สามารถใช้บริการ ชิปปิ้ง ขนส่งสินค้าจากจีนมาไทยง่ายๆ เพียงแค่คลิกที่ Hand Shipping